
“น้อยกว่าที่หวังนะ…เพราะเราอยากได้มงกุฎ”
ออน ชิชญาสุ์ กรรณสูต ผู้จัดการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เผยความในใจถึงผลงานการเข้ารอบ 6 คนสุดท้ายของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 ซึ่งเป็นรอบลึกที่สุดในรอบ 28 ปี การประกวดมิสยูนิเวิร์ส ในโอกาสพาน้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 เข้าขอบคุณหนังสือพิมพ์ข่าวสดที่นำเสนอข่าวการประกวดอย่างต่อเนื่อง
โดย น้ำตาล ชลิตา เปิดเผยหลังโชว์เดินแบบผ่านเฟซบุ๊กข่าวสดไลฟ์ ว่า หลังจากกลับมาประเทศไทยชีวิตก็เปลี่ยนไปค่ะ มีคนรู้จักเรามากขึ้น รู้จักการใช้ชีวิต รู้จักการทำงานมากขึ้น ไปทำงานในที่ต่างๆ มีชาวไทยที่จำเราได้ก็เข้ามาชื่นชมว่า “เก่งมาก” เหมือนกับว่าเราเป็นฮีโร่ของเขา ขอบคุณมากๆค่ะ
กลับมาที่ ออน ชิชญาสุ์ ร่วมพูดคุยในบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเองที่ห้องรับแขกข่าวสด ถึงเบื้องหลังการทำงานของกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ในครั้งนี้ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามความตั้งใจ เราอยากให้นางงามจากประเทศไทยเข้ารอบลึกมากที่สุด
ก่อนย้อนเล่าถึงการเฟ้นหานางงามในประเทศไทยว่า การจะได้ใครสักคนมาซึ่งแต่ละคนไม่ได้มีตัวตนที่เหมือนกัน เราต้องทำความรู้จักกับน้อง เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เป็นเวทีที่ผู้หญิงเห็นคุณค่าของผู้หญิง เราอยากดึงศักยภาพของผู้หญิงและตัวตนของเขาออกมาให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“เด็กบางคนมาประกวดเพื่อหาประสบการณ์ เพื่อไปทัศนศึกษา ได้ไปเที่ยว ได้ใช้ชีวิตช่วงปิดเทอม แต่เขายังไม่เห็นเป้าหมายที่ชัดเจนในอนาคตที่มันไกลขึ้น เขาคงแค่คิดว่าฉันอยากได้มงกุฎในเวทีระดับประเทศ สำหรับ ‘น้ำตาล’ อาจจะยังไม่ได้คิดอะไรในช่วงแรกของการประกวด เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไปที่ฝันว่าอยากมีมงกุฎและยังไม่ได้มองไปไกล ตอนนั้นถามน้ำตาลก็บอกว่าเข้า 40 คนก็ดีใจแล้ว พอได้มงกุฎก็เป็นความสำเร็จขั้นหนึ่งที่สูงสุดในขณะนั้น แต่เมื่อได้มงกุฎก็ต้องมาเริ่มต้นใหม่ สิ่งแรกที่ทำคือเข้าคอร์สจิตวิทยา เพื่อปรับทัศนคติให้มีความมุ่งมั่นเพื่อเป้าหมายสู่ความสำเร็จ ภารกิจของนางงามเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดระดับโลก เป็นงานที่หนักมากสำหรับเด็กในวัย 20 ต้นๆ กับความรับผิดชอบที่สูงขนาดนี้”
ออน ชิชญาสุ์ เล่าต่อว่า เมื่อเราเลือกแล้ว จะให้เขาเรียนรู้เรื่องบุคลิกภาพ ทักษะต่างๆ การเดิน การโพสท่า การพูด และสิ่งที่เน้นในระยะหลังคือ การตอบคำถาม อย่างน้ำตาลทักษะการตอบคำถามของเขาอาจจะไม่คุ้นเคยกับการออกสื่อ ด้วยชีวิตในวัยเด็กและด้วยความที่น้ำตาลเป็นนักวิทยาศาสตร์ วิธีคิดที่ไม่อาจจะประดิษฐ์คำหรือหาคำพูดที่สละสลวยในการตอบคำถาม
“สิ่งที่กองประกวดเลือกใครสักคนมาเป็นตัวแทน เราดูจากองค์รวม ความสวย รูปร่างหน้าตา ภาพลักษณ์ภายนอกก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งเหล่านี้ต้องดูถึงจิตใจที่ต้องสวยจากภายในสู่ภายนอก คือคุณสวยด้วยและจิตใจคุณก็ดีด้วย” ออน ชิชญาสุ์ กล่าวเน้นถึงการเลือกนางงาม พร้อมเผยด้วยว่าระหว่างที่นางงามเก็บตัวอยู่ในกองประกวด ทุกที่มีแมวมอง มีพี่เลี้ยงคอยดูนิสัย เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งที่เราจะดูด้วย
สำหรับความเปลี่ยนแปลงของน้ำตาลตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ผู้จัดการกองประกวด เผยว่า สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือความมั่นใจ เรื่องความสวยน้ำตาลสวยมาตั้งแต่ต้น ส่วนการสร้างความประทับใจให้แฟนนางงามนั้น เราเตรียมตั้งแต่กิจกรรมคิกออฟ
“น้ำตาลเป็นตัวเต็งในโซนเอเชีย ประกอบกับประเทศเจ้าภาพมีความคลั่งไคล้นางงามมาก และด้วยน้ำตาลเป็นสาวงามที่มีความคล้ายชาวฟิลิปปินส์ ทำให้ได้รับกระแสตอบรับมากมาย กองประกวดเตรียมชุดเตอร์โน ชุดประจำชาติของฟิลิปปินส์ แต่ไม่มีโอกาสใส่ออกสื่อมากนัก รวมถึงเรายังเตรียมชุดประจำชาติที่ตัดเย็บด้วยผ้าใยสับปะรดซึ่งตั้งใจจะเอาใจประเทศเจ้าภาพ ให้เขารู้สึกประทับใจ และคำทักทายต่างๆ น้ำตาลก็เตรียมตัวอย่างดี หัดพูดเอง
น้องเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก ระหว่างประกวดก็ไปฝึกหลายภาษากับเพื่อนนางงามด้วยกัน น้ำตาลเป็นคนที่ไม่กลัว เป็นที่รักของเพื่อนนางงามและกองประกวดซึ่งหลงรักน้ำตาลมาก เพราะน้ำตาลเป็นคนที่เข้าถึงง่าย ไม่หยิ่ง มีอัธยาศัยดี มีสัมมาคาราวะ เป็นที่ถูกอกถูกใจ แรงโหวตของคนไทยต้องบอกว่าเป็นส่วนสำคัญ น้ำตาลเป็นที่รักของคน เป็นที่เอ็นดูและอยากให้กำลังใจ อยากผลักดันให้น้องไปไกลที่สุด รวมถึงยังช่วยกันแชร์เพื่อให้ช่วยกันโหวต”
กระแสนางงามที่กลับมาบูมในปีนี้ ออน ชิชญาสุ์ มองว่า โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลมากในปัจจุบัน มีการไลฟ์สตรีม โพสรูปถ่าย ทำให้นางงามเข้าถึงแฟนคลับและคนทั่วไปง่ายขึ้น ได้เห็นชีวิตที่เรียลลิตี้และอยากติดตาม รวมถึงน้องเป็นคนที่สวย เอ็กโซติก มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สิ่งที่เราได้ยินจากการพูดถึงน้องคือไม่เห็นผู้หญิงไทยหน้าตาแบบนี้มานานแล้ว รู้สึกว่านี่แหละคือผู้หญิงไทยที่แท้จริง โครงหน้าที่ไม่ใช่สวยแบบลูกครึ่ง ไม่ใช่นางงามในแบบเก่า น้องมีความเก๋ในสไตล์ตัวเอง
“เรื่องราวของน้องสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนว่าฉันเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันก็มีโอกาสเหมือนกัน ออนรู้สึกกับน้ำตาลว่าน้องเป็นไอดอลของคนในปัจจุบัน เป็นไอดอลของผู้หญิงที่คิดอยากจะมีฝัน ที่ไม่ใช่รอโอกาสมา แต่คุณต้องเดินไปหาโอกาส ต้องสู้ไปถึงจุดนั้นให้ได้”
มาที่เรื่องการตอบคำถามบนเวทียูนิเวิร์ส ซึ่งหลายคนมองว่าน้ำตาลตอบสั้นไป ผู้จัดการกองประกวดกล่าวว่า “เขาตอบได้ดีที่สุดในความเป็นเขา น้องไม่ได้เป็นคนพูดเก่ง แต่สามารถพูดได้ตรงประเด็นที่สุดแล้ว บวกกับความตื่นเต้นและหลายๆ อย่าง ถือว่าน้องเป็นคนที่มีสติ”
สำหรับชุดประจำชาติ “จีเวล ออฟ ไทยแลนด์” ที่อาจไม่โดนใจกรรมการ แต่โดนใจคนไทย ออนบอกว่า
“แต่ชุดไทยก็เป็นสิ่งที่คนโหยหา การบอกชุดนี้ชุดนั้นไม่เห็นจะไทยเลยเป็นเรื่องของคนตีความมากกว่า ถ้าเราพูดว่าชุดประจำชาติที่น้ำตาลใส่เป็นชุดประจำชาติที่ถูกต้องตามวัฒนธรรม แต่คอนเซ็ปต์ของมิสยูนิเวิร์สคือชุดอะไรก็ได้ที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ความเป็นชาติ จึงขึ้นอยู่กับการตีโจทย์ การที่ไม่โดนใจกรรมการมิสยูนิเวิร์ส บางครั้งเราก็ให้โอกาสประเทศอื่นบ้างก็ได้ (กล่าวพร้อมหัวเราะ) กองประกวดไม่ได้ดูเรื่องความสวยงาม แต่ดูเรื่องความคิดสร้างสรรค์
ผลงานการเข้ารอบ “ท็อป 6″ ในปีนี้ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดน้อยลง ออนกล่าวว่า เป็นผลงานที่ดี ส่วนการเตรียมการในปีถัดไปก็ต้องดูว่าปีหน้าคือใคร เราไม่สามารถบอกได้ว่าต้องทำแบบไหน ขึ้นอยู่กับพื้นฐานแต่ละคน น้ำตาลไม่ได้เป็นแค่นางงาม แต่น้ำตาลเป็นฮีโร่ของผู้หญิงไทย สำหรับความภาคภูมิใจตัวน้ำตาล จริงๆ ไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าไม่เพียงแต่กองประกวดภาคภูมิใจ แต่คือคนไทยทั้งประเทศที่ภาคภูมิใจในตัวน้ำตาล”
ในปีนี้ ออน ชิชญาสุ์ ระบุว่าการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 จะจัดขึ้น แต่คาดว่าจะไม่มีรอบโชว์ชุดว่ายน้ำแก่สื่อมวลชน จะเป็นการโชว์ชุดว่ายน้ำให้กับกองประกวดตามกฎของกองประกวดที่ต้องคัดเลือกจากชุดว่ายน้ำ
ขณะที่ความหวังของคนไทยในการมีมิสยูนิเวิร์สคนที่ 3 ผู้จัดการกองประกวด บอกว่า ปีหน้าเป็นปีที่ 29 หลังจากปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก คว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สคนที่ 2 เราก็ต้องหวัง ในวันนี้ชื่อประเทศไทยเป็นที่รู้จักและเป็นที่จับตามองของเวทีมิสยูนิเวิร์ส
“ความสำเร็จครั้งนี้มาจากทุกๆ คนที่อยู่เบื้องหลัง รวมถึงสื่อมวลชน ถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่ทำให้น้ำตาลเป็นที่รู้จักขนาดนี้
ส่วนน้ำตาลเอง ออนบอกได้แค่ว่าอีกไม่นานน้ำตาลจะมีข่าวดีที่เป็นมากกว่า ‘นางงาม’ ส่วนจะเป็นอะไรนั้นต้องติดตามในเร็วๆ นี้!!”